ยุทธศาสตร์ NEC ทฤษฎีระบบกับยุทธศาสตร์การพัฒนา:System Theory and Development Strategy ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 30, 2025January 30, 2025 จากที่ได้กล่าวในหัวเรื่อง ทฤษฎีระบบ System Theory :ความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้น ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการพัฒนาทฤษฎีระบบและการนำทฤษฎีระบบไปใช้ในศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์และสังคมสงเคราะห์ โดยพบว่า วิธีคิดของทฤษฎีระบบหรือ System Theory เป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการคิดวิเคราะห์เป็นที่ตั้งและเป็นเหรียญอีกด้านนึงของกระบวนการคิดแบบเส้นตรงหรือ Linear thinking โดยการคิดแบบเส้นตรงนั้นเป็นรูปแบบการคิดที่พบว่า เมื่อพฤติกรรมเป็นอย่างไร นั่นก็เเสดงว่า เกิดจากปัจจัยเหล่านั้นเป็นที่ตั้ง (หรือ ถ้าเหตุเป็นอย่างนั้นเเล้ว ผลก็ต้องเป็นอย่างนั้น) เเตกต่างจากการคิดเชิงระบบของทฤษฎีระบบ เพราะว่า ทฤษฎีระบบตั้งอยู่บนฐานการคิดที่มีความสลับซับซ้อนเป็นที่ตั้ง(Complex System) คือถ้าเป็นอย่างนี้ก็สามารถเป็นอย่างนั้น อย่างโน้นได้ไม่ตายตัว หรือเป็นไปได้หลายอย่าง เพราะ ลักษณะของทฤษฎีระบบมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากกว่า 1 เสมอ และเมื่อมีความเกี่ยวข้องมากกว่า 1 นั้นย่อมเเสดงว่า ผลที่ได้ก็มากกว่า 1 นั่นเอง สำหรับเเนวคิดของทฤษฎีระบบ เป็นอีกหนึ่งตัวแบบที่สามารถนำมาอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้ันในสังคมได้อย้่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับการศึกษาและมองสังคมเป็นองค์รวมและเป็นระบบ และการมองมักจะมีองค์ประกอบนับตั้งเเต่ปัจจัยนำเข้า(Input) กระบวนการในการผลิต(Process) และ หน่วยผู้ใช้ผลผลิต(Output) ทั้งนี้ทั้งสามหน่วย อยู่ภายใต้สภาพบริบทที่มีอยู่(Context) หรือบางตำรามักใช้คำว่า environment ดังแนวคิดของ… Continue Reading
ยุทธศาสตร์ NEC ทฤษฎีระบบ System Theory :ความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้น ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 30, 2025January 30, 2025 ทฤษฎีระบบ(System Theory) เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาจากความต้องการในการสังเกตเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนศาสตร์ทางด้านสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานทางด้านสังคม การคิดเชิงระบบได้รับอิทธิพลอย่างมากจากนักชีววิทยา Ludwig von Bertalanffy และการประยุกต์ผลการศึกษาจากนักจิตวิทยาโดย Uri Bronfenbrenner ซึ่งได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับชีวภาพของมนุษย์ภายใต้สภาพเเวดล้อมทางนิเวศวิทยา ด้วยรากฐานจากทฤษฎีระบบของ Ludwig von Bertalanffy และรากฐานจากทฤษฎีจิตวิทยาของ Uri Bronfenbrenner จากผลการศึกษาอย่างบูรณาการดังกล่าว นำไปสู่การบูรณาการร่วมกันกับองค์ความรู้ศาสตร์อื่นๆทางสังคมและวิทยาศาสตร์ (Friedman & Allen, 2014) ภาพ Von Bertalanffy ที่มา:https://en.wikipedia.org/wiki/Ludwig_von_Bertalanffy Von Bertalanffy เสนอว่า การเปลี่ยนเเปลงของสังคม ตลอดจนสิ่งมีชีวิตต่างๆสามารถอธิบายได้โดยการมองภาพรวมต่างๆของระบบนิเวศสิ่งเเวดล้อมเป็นองค์ประกอบ และเขายังกล่าวอีกว่าการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากปฏิสัมพันธ์ต่างๆของสิ่งมีชีวิต นักวิชาการคนอื่นๆจึงนำเอาเเนวคิดของ Von Bertalanffy ไปใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์และการปฏิสัมพันธ์กับระบบอื่นๆโดยมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเลห่านั้น เป็นกลไกของการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนเเปลง ซึ่งนำไปสู่การสร้างสมมติฐานที่ว่า “องค์รวม เป็นมากกว่าผลรวมของส่วนประกอบต่างๆ กลายเป็นคำศัพท์ใหม่ๆเกิดขึ้นเพื่ออธิบายส่วนต่างๆของระบบดังนี้ Micro(ขนาดเล็ก), mezzo(ขนาดปานกลาง), and… Continue Reading
ยุทธศาสตร์ NEC ยุทธศาสตร์การพัฒนา:แนวคิดในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา//กลุ่มสำนักคิดเชิงพรรณนา EP2 ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 28, 2025January 30, 2025 จากบทความฉบับที่เเล้ว ผู้เขียนได้กล่าวถึง แนวคิดในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา ว่าด้วย กลุ่มสำนักคิดที่เป็นเชิงข้อเสนอ โดยมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่มคือ สำนักออกแบบเน้นความเป็นผู้นำในการวิเคราะห์สภาพเเวดล้อมขององค์กร สำนักที่ 2 คือสำนักวางแผน มุ่งเน้นในการนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ สำนักคิดที่ 3 คือสำนักคิดการวางตำแหน่ง โดยทั้ง 3 สำนักนี้มีนักวิชาการ นักปฏิบัตินิยมนำไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ และนำไปปฏิบัติอย่างเเพร่หลาย สำหรับในบทความนี้ ผู้เขียนจะขอนำเสนอกลุ่มสำนักคิดที่ 2 ว่าด้วยสำนักคิดเชิงพรรณนา โดยมีสำนักคิดที่สำคัญ 6 สำนักคิด(ไพบูรณ์ โพธิ์สุวรรณ,2552);(วิกรม บุญนุ่น,2567) ได้เเก่ สำนักคิดที่ 1 สำนักคิดผู้ประกอบการ เป็นการระบุและกำหนดยุทธศาสตร์โดยเกิดจากความเป็นผู้ประกอบการเองของผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีประสบการณ์และเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ตลอดทั้งการนำนวัตกรรมมาใช้ในการสรรค์สร้างองค์การของตนเองให้เข็มแข็ง ทั้งนี้วิธีคิดแบบผู้ประกอบการยังจะต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง 10 ด้าน(ธนภัทร รุ่งธนาภิรมย์,2557 )คือ 1) มีแนวคิดไอเดียหรือวิสัยทัศน์บางอย่างขึ้นมาได้ มีความเชื่อมั่นอยากทำให้ไอเดียเป็นจริง 2) มีความคิดริเริ่มที่จะทำบางสิ่งด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นมอบหมายให้เป็นแรงจูงใจที่มาจากภายใน 3) สามารถทำงานหนักแม้ไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ… Continue Reading
แนวคิดและทฤษฎีการสร้างยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์การพัฒนา:แนวคิดในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา//กลุ่มสำนักคิดที่เป็นเชิงข้อเสนอ EP1 ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 27, 2025January 30, 2025 นับตั้งแต่มีการนำเอาแนวคิดยุทธศาสตร์การพัฒนามาใช้ในประเทศไทย หน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มมีการนำแนวคิดที่ได้จากการประยุกต์ใช้จากแนวคิดและทฤษฎีของต่างประเทศมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นการปรับใช้ตั้งแต่ชื่อเรียกยุทธศาสตร์และคำว่ากลยุทธ์ดังระเบียบวิธีที่แตกต่างกัน โดยภาครัฐในยุคแรกเริ่มตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 มีการนำคำว่ายุทธศาสตร์การพัฒนา(Strategy Development) มาเป็นหมุดหมายสำคัญในการพัฒนาประเทศ ในส่วนของหน่วยงานภาคเอกชน ได้มีการประยุกต์ใช้คำว่า Strategy มาใช้ในการจัดการองค์กรของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน(วิกรม บุญนุ่น,2567) ขณะเดียวกัน การกำหนดยุทธศาสตร์ตลอดจนวิธีการกำหนดกลยุทธ์มักจะมีกระบวนการในการกำหนดคล้ายๆกัน ทั้งนี้ แนวคิดในการกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 5 สำนักคิดดังนี้(วิกรม บุญนุ่น,2567;ไพบูรณ์ โพธิ์สุวรรณ,2555) กลุ่มสำนักคิดที่ 1 กลุ่มสำนักคิดที่เป็นเชิงข้อเสนอ เป็นกลุ่มสำนักคิดที่มุ่งนำเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการก่อตัวของยุทธศาสตร์องค์การ โดยมีด้วยกัน 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่แนวความคิดเชิงข้อเสนอ มี 3 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มที่ 1 สำนักออกแบบ จะเน้นการวิเคราะห์ศักยภาพขององค์การโดยวิธีการวิเคราะห์ SWOT Analysis เป็นวิธีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์การทั้งในส่วนของสภาพแวดล้อมภายนอก(รู้เขา)แบ่งออกเป็นโอกาสและอุปสรรค และการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน(รู้เรา) โดยแบ่งออกเป็นจุดอ่อนและจุดเเข็ง ทั้งนี้ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในเป็นกระบวนการของการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ภายหลังจากการกำหนดวิสัยทัศน์(Vision) พันธกิจ หรือภารกิจ… Continue Reading
มหายุทธศาสตร์สู่ระเบียงเศรษฐกิจ น่าน….หนึ่งใน Subset ของระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน เส้นทางผ่านของ Battery Of Asia สปป. ลาว สู่ภาคเหนือตอนบนของไทย ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 23, 2025January 28, 2025 จังหวัดน่าน ถือเป็นจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีศักยภาพสูงในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และมีเเนวโน้มการท่องเที่ยวข้ามเเดนเชื่อมโยงพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกรณีของ สปป.ลาว นอกจากนั้นยังมีศักยภาพในการส่งเสริมการค้า การลงทุนในพื้นที่ชายเเดน อันเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับ สปป.ลาว บริเวณพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสองเเคว อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอบ่อเกลือ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่เอื้อต่อการค้า การลงทุน คือบริเวณพื้นที่บ้านห้วนโก๋น ตำบลห้วยโก๋น ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และด่านศุลการทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง สินค้าที่สำคัญที่ผ่านด่านศุลกากรนี้ไปยังจังหวัดน่าน ประเทศไทย คือพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีอัตราการนำเข้ามากกว่าร้อยละ 97 โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดมาจากโรงไฟฟ้าหงสา เเขวงไชยบุรี สปป.ลาว ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวเกิดจากการร่วมทุนของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (ร้อยละ 40), บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (ร้อยละ 40) และบริษัท Lao Holding State Enterprise (ร้อยละ 20) โดยทั้งหมดขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นหลัก เจ้าหน้าที่บรรยายสภาพของโรงงานไฟฟ้าหงสา เมื่อกล่าวถึงการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหงสา ภายใต้การร่วมทุนของกลุ่มบริษัทดังกล่าว พบว่า รัฐบาล… Continue Reading
มหายุทธศาสตร์สู่ระเบียงเศรษฐกิจ มหายุทธศาสตร์ ในฐานะตัวเเปรเชิงกลยุทธ์ของรัฐชาติในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, January 22, 2025January 30, 2025 นับตั้งแต่ต้นปี คตวรรษที่ 20 โลกเราขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงรัฐชาติ(หรือสภาพของรัฐชาติ) โดยแปลงสภาพความเป็นตัวแปรตามจากมหายุทธศาสตร์ของชาติมหาอำนาจอยู่เสมอ ดังเช่นกรณีของ สหรัฐอเมริกาที่มียุทธศาสตร์หลักต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประการ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การครองความเป็นเจ้า ยุทธศาสตร์การสกัดกั้นการขยายอิทธิพล ของจีน และยุทธศาสตร์การทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว สหรัฐฯ ได้ดำเนินนโยบายเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์ โดยผ่าน 2 ช่องทาง ช่องทางแรก คือ ความสัมพันธ์ ทวิภาคี ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรทาง ทหารทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะกับพันธมิตรทั้ง 5 ซึ่งได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไทย และ ออสเตรเลีย ยุทธศาสตร์นี้เรียกว่า ยุทธศาสตร์ hub and spokes คือ ยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ เป็นดุมล้อ และความสัมพันธ์กับพันธมิตรเป็นซี่ล้อ และอีก ทางช่องทางหนึ่งในการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้… Continue Reading
มหายุทธศาสตร์สู่ระเบียงเศรษฐกิจ มหายุทธศาสตร์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง : ความหมาย ความสำคัญของมหายุทธศาสตร์ ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, November 5, 2024January 28, 2025 ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนเเรงระหว่างประเทศและชาติมหาอำนาจ ทั้งในส่วนของสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย ตลอดจนชาติต่างๆในตะวันออกกลาง ที่ในปัจจุบันเริ่มมีความขัดเเย้งครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลกับชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ตลอดจนความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เริ่มมีการรุกล้ำทั้งในส่วนของการขยายอาณาเขตทางธุรกิจ สังคม เศรษฐกิจและสิ่งเเวดล้อม จนทำให้รัฐชาติในเเถบนี้เริ่มที่จะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการศึกษาถึงเเนวทางในการพัฒนาประเทศเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนความพยายามของจีนที่จะมุ่งลงใต้โดยผ่านทางประเทศไทยให้ได้ เพราะฉะนั้น การศึกษาถึงมหายุทธศาสตร์ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักยุทธศาสตร์ นักวิชาการ และนักบริหารระดับสูงของภาครัฐ โดยการมุ่งความสนใจไปที่คำถามลำดับสูงสุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ คำว่า why, how,what purposes (ทำไม อย่างไร และวัตถุประสงค์เพื่ออะไร) ต่อจากนั้น ผู้บริหารของรัฐจึงต้องใช้อำนาจของตนเอง(ชาติ)ที่มีอยู่ในการกำหนดนโยบาย ตลอดจนการอุดรูรั่วอำนาจทางการทหารที่มีอยู่ มหายุทธศาสตร์ที่ดีจะมีส่วนในการกำหนดบทบาทระหว่างประเทศของตนเองได้ ตลอดจนการชี้เเนะแนวทางและวิธีการเพื่อตอบสนองต่อนโยบายเหล่านั้นเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหันกลับมามองมหายุทธศาสตร์ของหลายๆประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ยังไม่มีความสอดคล้องและปะติดปะต่อ และยากต่อการนำทาง อันเนื่องจากข้อเสียของการเมืองในระดับประชาธิปไตยคือการไม่ต่อเนื่องและไม่มั่นคง และในส่วนของการเมืองฝั่งสังคมนิยมก็ยังมีลักษณะของการสั่งการเเบบ Top Dow องค์ความรู้ทางวิชาการจึงมีน้อย ในบทความวิชาการว่าด้วย มหายุทธศาสตร์ จึงมีวัตถุประสงค์ขจัดความสบสน ความไม่ปะติดปะต่อ และความยากต่อการนำทาง การชี้นำที่ปราศจากวิชาการที่ชัดเจน โดยในบทความว่าด้วยมหายุทธศาสตร์ ผู้เขียนจะเเบ่งออกเป็น 3 หัวข้อด้วยกันคือ หัวข้อที่… Continue Reading
การวิจัยกับ NEC ตัวแบบความคิดด้านยุทธศาสตร์การพัฒนา ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, July 27, 2024January 28, 2025 ภายใต้กระแสแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นคือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างพลิกผัน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัย แนวโน้มเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ การขยายตัวของความเป็นเมือง การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมทางสังคม และภาวะโลกร้อนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกับปัจจัยเร่งจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด – 19) ที่ก่อให้เกิดความผันผวนของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมแก่หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสามารถนำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยงที่จะช่วยผลักดันให้การพัฒนาประเทศไทยในระยะต่อไปให้เกิดความสำเร็จ หรือเป็นอุปสรรคให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับบริบทหรือศักยภาพและขีดความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยความก้าวหน้าและแพร่หลายของเทคโนโลยีจะสรรค์สร้างประโยชน์ให้เกิดเป็นโอกาสต้องอาศัยการพัฒนาคนและระบบบริหารจัดการด้านดิจิทัลและข้อมูลสารสนเทศให้มีความพร้อมเพื่อรองรับโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงให้กระจายลงสู่ทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงเท่าทัน ขณะเดียวกันความเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบและเป็นความท้าทายที่สำคัญต่อประเทศไทยในการที่จะต้องเร่งแสวงหาแนวทางในการแก้ไขรับมือนั้นมาจากแนวโน้มด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจและดิจิทัล รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ รวมถึงมิติการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการสร้างความเสมอภาคในสังคม ซึ่งบริบทสถานการณ์ของประเทศไทยที่ยังมีข้อจำกัดภายในหลายประการ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว อาจส่งผลให้ประเทศมีความเปราะบางยิ่งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีความผันผวนสูง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะประเทศจีนมีบทบาทในการกำกับระเบียบเศรษฐกิจการเมืองของโลกมากขึ้น จนทำให้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาต้องเพิ่มบทบาทในเวทีโลกเพื่อคานอำนาจอิทธิพลของประเทศจีน ทำให้ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของโลกได้รับผลกระทบ กอปรกับความเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคมีมากขึ้น และประเทศไทยมีตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบของการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคด้านการค้าการลงทุนและการให้บริการโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคเข้ากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จึงเป็นความท้าทายในบทบาทความร่วมมือที่มีความเหมาะสมกับบริบททางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลต่อทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งงชาติ ฉบับที่ 13 ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อพลิกโฉมประเทศสู่ “เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนเสริมสร้างการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมอย่างทั่วถึง ตลอดจนเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จนสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวไปพร้อมกับการรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความสอดคล้องการพัฒนาหลากหลายพื้นที่ในประเทศไทย กลายผลเป็นการกำหนดแผนยุทธศาสตร์รองรับการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์บนฐานเศรษฐกิจ… Continue Reading
มหายุทธศาสตร์สู่ระเบียงเศรษฐกิจ ระเบียงเศรษฐกิจกับเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงราย ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, July 27, 2024January 28, 2025 1.ที่ตั้งและศักยภาพ จังหวัดเชียงรายมีประชากรทั้งหมด 1,298,687 คน เป็นจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2(เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) เป็นจังหวัดที่มีความพิเศษมากกว่าจังหวัดอื่นในประเทศไทยตรงที่มีชายแดนติดกับ 2 ประเทศคือ เมียนมาร์ และ สปป.ลาว และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ การเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพียงน้ำโขงกั้น ขณะเดียวกันยังสามารถเดินทางโดยรถยนต์ ทางเรือ และทางอากาศไปยังประเทศจีนได้ภายในวันเดียว โดยจังหวัดเชียงรายนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมดมีเนื้อที่ประมาณ 11,678.369 ตร.ก.ม. หรือประมาณ 7,298,981 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 785 กิโลเมตร จังหวัดเชียงรายอยู่บนแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) ซึ่งสามารถไปทางเหนือเชื่อมโยงกับจีนตอนใต้ (มณฑลยูนนาน) ได้ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยทางบกอาศัย 2 เส้นทาง ได้แก่ ถนน R3A (ผ่านด่าน เชียงของ และ สปป.ลาว) และ… Continue Reading
มหายุทธศาสตร์สู่ระเบียงเศรษฐกิจ บทบาทระเบียงเศรษฐกิจต่อภาพรวมเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย ผศ.ดร.วิกรม บุญนุ่น, July 27, 2024January 28, 2025 ปรากฏการณ์ไหลบ่าเข้ามาอย่างผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาติ ที่อยู่บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ไทย-เมียนมาร์ ไทย-กัมพูชา ไทย-มาเลเซีย ส่งผลให้เกิดการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายและกลายเป็นความกังวลต่อปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2565 เป็นต้นมา มีผู้หลบหนีเข้าเมืองแล้วกว่า 14,000 คน[1] แต่ขณะเดียวกันการหลบหนีเข้าเมืองนับเป็นเรื่องปกติของการมีแนวตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกันมาตั้งแต่อดีต การห้ามหลบหนีเข้าเมืองจึงเป็นมาตรการ ที่กระทำกัน โดยส่วนใหญ่ประเทศไทยมักประสบเจอกับปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองมากกว่า สปป.ลาว เมียนมาร์ และ กัมพูชา ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จากปัญหาดังกล่าวสิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลไทยวิเคราะห์ได้คือ การหลบหนีเข้าเมืองมาเพื่อหางานทำในปะเทศไทยซึ่งมีโอกาสในทางเศรษฐกิจมากกว่า 3 ประเทศข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยเป็นประเทศปลายทางที่มีอุตสาหกรรมการผลิตที่ความต้องการแรงงานราคาถูกสูงและเป็นแรงงานที่ไม่ปฏิเสธกิจกรรมแรงงานบางประเภทที่มีความเสี่ยงและสกปรกตลอดจนตำแหน่งงานระดับล่างที่คนไทยไม่นิยมทำกันเช่น อาชีพกรรมกร ตลอดจนแนวคิดในการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประชาชน จึงทำให้รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะย้ายฐานการผลิตไปอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งสามารถรองรับสภาพปัญหาของการหลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนการขนย้ายวัตถุดิบการผลิตและการส่งออก-นำเข้าสินค้าต่างๆได้ดีกว่าการผลิตจากส่วนกลางของประเทศ ซึ่งไม่เอื้อต่อการผลิต การขนย้าย การทำงานแบบไปกลับของแรงงานต่างด้าวตลอดจนการยกเว้นภาษีนำเข้าของสินค้าต่างๆตลอดรวมทั้งวัตถุดิบในการผลิต จากประเด็นดังกล่าว รัฐบาล สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร จึงได้จัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) ในปี พ.ศ.2509 ตลอดจนการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2515[2] ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการพัฒนาและจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม มีการจัดพื้นที่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมให้รวมกันอย่างเป็นระบบและระเบียบและเป็นกลไกของภาครัฐในการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ภูมิภาค และในปี พ.ศ…. Continue Reading