จีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างแข็งขันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ นโยบายของสีจิ้นผิงในเรื่องการท่องเที่ยวเน้นทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศและระหว่างประเทศ รัฐบาลจีนได้สนับสนุนให้พลเมืองจีนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้เน้นการประชาสัมพันธ์มรดกทางวัฒนธรรม ทิวทัศน์ธรรมชาติ และการพัฒนาแบบร่วมสมัย จีนได้ลงทุนอย่างหนักในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว เช่น การก่อสร้างสนามบินใหม่ ระบบรถไฟความเร็วสูง และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว การพัฒนาเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงจุดหมายปลายทางและเสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางให้ดีขึ้นทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศยิ่งไปกว่านั้น จีนยังได้ส่งเสริมตัวเองในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก โดยได้ดำเนินการปรับกระบวนการขอวีซ่าให้สะดวกยิ่งขึ้น เพิ่มแคมเปญการตลาดระดับนานาชาติ และพัฒนาบริการที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดผู้เยี่ยมชมจากทั่วโลก โดยที่รัฐบาลจีนเรียกร้องให้มีการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ รักษาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว
เส้นทาง R3A คือเส้นทางที่เชื่อมโยงสามประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย สปป.ลาว และจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภูมิภาค การเชื่อมโยงนี้เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลาย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับความงดงามของทิวทัศน์จากสามประเทศในเส้นทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงและป่าเขียวขจีในจีน วัดวาอารามและวัฒนธรรมท้องถิ่นในสปป.ลาว หรือชายหาดที่งดงามและวิถีชีวิตของชุมชนไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเส้นทาง R3A ยังส่งผลให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การสร้างถนนใหม่, ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ, และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวช่วยให้การเดินทางระหว่างสามประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ รวมถึงการได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม การเชื่อมโยงเส้นทาง R3A ยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างชุมชนในสามประเทศ การสนับสนุนและการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ในพื้นที่ต่าง ๆ จะช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมกับการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายให้กับนักท่องเที่ยว การเชื่อมโยงนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสามประเทศในเส้นทาง R3A อีกด้วย

หลังจากการฟื้นตัวจากการระบาดของ COVID-19 หลายประเทศได้เร่งนโยบายเศรษฐกิจเพื่อชดเชยโอกาสที่หายไปมากกว่า 3 ปี ทั้งก่อนและหลังการระบาด การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านการท่องเที่ยวเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ในประเทศไทย สปป.ลาว และจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1) การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวคือ การท่องเที่ยวโดยชุมชนช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ประเพณี ศิลปะ ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรม
2) การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ซึ่งการท่องเที่ยวโดยชุมชนเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้และลดความยากจน การฝึกอบรมบุคลากรในการพัฒนาการท่องเที่ยวช่วยให้ชุมชนสามารถสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน บริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
3) การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและปกป้องระบบนิเวศ การฝึกอบรมบุคลากรในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนช่วยให้กิจกรรมต่างๆ ดำเนินไปในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4) การสร้างการมีส่วนร่วม การพัฒนาความสามารถในท้องถิ่นช่วยให้ชุมชนสามารถควบคุมและมีบทบาทในโครงการการท่องเที่ยวได้ การฝึกอบรมสามารถให้ทักษะในการให้บริการ การแนะนำ การตลาด และการบริหารจัดการด้านการประกอบการและธุรกิจ
5) การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว บุคลากรที่ผ่านการพัฒนาหรือการฝึกอบรม สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตท้องถิ่น
6) การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักท่องเที่ยวและท้องถิ่น บุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมทำหน้าที่เป็นตัวแทนทางวัฒนธรรม โดยการอำนวยความสะดวกในการสื่อสารและเชื่อมโยงช่องว่างทางวัฒนธรรม
7) ความสามารถในการแข่งขันของแหล่งท่องเที่ยว การลงทุนในบุคลากรด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของจุดหมายปลายทาง บุคลากรที่มีการฝึกอบรมสามารถสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและดึงดูดตลาดเฉพาะที่สนใจในความเข้าใจวัฒนธรรมและการเดินทางอย่างยั่งยืน
8) การสนับสนุนและการดำเนินนโยบายของภาครัฐ กล่าวคือ ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านกรอบนโยบายและโครงการสนับสนุน การฝึกอบรมบุคลากรในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้เกิดความรู้และทักษะในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหาและความต้องการจำเป็นที่พบในปัจจุบัน
การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ในประเทศไทย สปป.ลาว และจีนเผชิญกับปัญหาหลายประการ ได้แก่
1) การพัฒนาทักษะและความสามารถเฉพาะ หลายชุมชนขาดทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการจัดการกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การให้บริการ การตลาด การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการพัฒนาธุรกิจหรือการประกอบการ
2) โครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึง หมายถึง การที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ เช่น การขนส่ง ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่ห่างไกล
3) การเข้าถึงตลาดและการสนับสนุน หลายโครงเกี่ยวกับการการท่องเที่ยวโดยชุมชนประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดเนื่องจากงบประมาณการตลาดที่จำกัด ขาดการสร้างการรับรู้ผ่านระบบออนไลน์ และมีช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่ไม่เพียงพอ
4) ความท้าทายด้านความยั่งยืน การจัดสมดุลระหว่างการพัฒนาการท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรักษาวัฒนธรรมเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะปัญหาการท่องเที่ยวเกินขนาด การเสื่อมสภาพของที่อยู่อาศัย การสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ในประเทศไทย, สปป.ลาว, และจีน
1) การสร้างความสามารถและการฝึกอบรม
การจัดโครงการฝึกอบรมที่ครอบคลุมด้านการบริการ การตลาด การจัดการธุรกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, การให้ข้อมูลทางวัฒนธรรม และการจัดการความเสี่ยง โดยเน้นการสร้างทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริง การก่อตั้งศูนย์การฝึกอบรมในพื้นที่ที่ต้องการการพัฒนา เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงการฝึกอบรมและทรัพยากรได้ง่ายขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องให้กับบุคลากรที่ทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
2) การพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน
การลงทุนในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การขนส่ง ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เกี่ยวข้อง
3) การส่งเสริมด้านการตลาด
การพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการตลาด เช่น เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มการจองออนไลน์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาด รวมถึงการพัฒนาและส่งเสริมแบรนด์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
4) การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน
การส่งเสริมแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการขยะ การอนุรักษ์น้ำ การใช้พลังงานทดแทน และการพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น
5) การกระจายผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม
ดำเนินการจัดทำแผนการจัดการรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นธรรม โดยแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น สร้างกลุ่มและเครือข่ายในชุมชนเพื่อร่วมมือในการจัดการกิจกรรมการท่องเที่ยวและการกระจายผลประโยชน์
6) การจัดการความเสี่ยง
การจัดทำแผนจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม เช่น การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปัญหาสุขภาพ รวมถึงจัดการฝึกอบรมให้กับบุคลากรเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
7) การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
จัดกิจกรรมและโครงการที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชน และการพัฒนาบุคลากรในการสื่อสารและจัดการกับนักท่องเที่ยวจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง
8) การสนับสนุนจากรัฐบาล
ผลักดันให้เกิดการแก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายและกรอบกฎหมายที่สนับสนุนการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณและสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการการพัฒนาท้องถิ่นและโครงการด้านการท่องเที่ยว
9) การติดตามและประเมินผล
จัดทำระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อวัดผลลัพธ์และปรับปรุงกลยุทธ์ตามข้อเสนอแนะแบบจริงจัง พัฒนาฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลจากความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวและชุมชนเพื่อปรับปรุงการบริการและกิจกรรม
การพัฒนาและแก้ปัญหาการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ในประเทศไทย, สปป.ลาว, และจีนต้องการการดำเนินการอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ การสร้างความสามารถของบุคลากร, การพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การเพิ่มการเข้าถึงตลาด, การจัดการความยั่งยืน, การกระจายผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม, การจัดการความเสี่ยง, การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม, การสนับสนุนจากรัฐบาล, และการติดตามและประเมินผลเป็นแนวทางที่สำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น
อ้างอิงบทความนี้
อารีย์ บินประทาน. (2567). การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในเส้นทาง R3A เชื่อมโยงประเทศไทย สปป.ลาว และจีน. รอบรั้ว NEC. (ออนไลน์). URL: https://kmnec.crurds.com/archives/175