Skip to content

ภูมิรัฐศาสตร์และอิทธิพลต่อสังคมและการพัฒนา

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น. ผู้เขียนได้รับเกียรติจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ให้เข้าร่วมในฐานะผู้บรรยายพิเศษ ภายใต้หัวข้อหลัก “สหวิทยาการเพื่อการพัฒนาสังคมเชิงภูมิภาคและเชิงพื้นที่” สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชา “สหวิทยาการเพื่อการพัฒนาสังคม” สำหรับการบรรยายครั้งนี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้นำเสนอในหัวข้อย่อย “ภูมิรัฐศาสตร์และอิทธิพลต่อสังคมและการพัฒนา” ซึ่งนับเป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น อันจะเชื่อมโยงความรู้ด้านภูมิศาสตร์เข้ากับศาสตร์อื่น ๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลและเครื่องมือในการตัดสินใจเชิงนโยบายและการวางแผน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สาระสำคัญของการบรรยายถูกจำกัดอยู่เพียงในห้องเรียนหรือเฉพาะกลุ่มผู้เข้าร่วม ผู้เขียนเห็นสมควรที่จะถ่ายทอดรายละเอียดของบทบรรยายดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจในสาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค ได้ร่วมเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และใช้เป็นพื้นฐานในการแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการร่วมกันต่อไป โดย เนื้อหาของการบรรยายจะมุ่งเน้นไปที่ 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.ภูมิรัฐศาสตร์ในฐานะ “ศาสตร์แห่งอำนาจและพื้นที่” 2. รากฐานทางทฤษฎี 3.อิทธิพลของภูมิรัฐศาสตร์ต่อสังคมและการพัฒนา 4. ฉากทัศน์ของภูมิรัฐศาสตร์ต่อสังคมและการพัฒนา ผลลัพธ์ของการบรรยายชี้ให้เห็นว่า  ทฤษฎีดั้งเดิมของ Mackinder, Mahan… ภูมิรัฐศาสตร์และอิทธิพลต่อสังคมและการพัฒนา

แนวคิดและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์เพื่อยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสังคม

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น. ผู้เขียนได้รับเกียรติจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ให้เข้าร่วมในฐานะผู้บรรยายพิเศษ ภายใต้หัวข้อหลัก “สหวิทยาการเพื่อการพัฒนาสังคมเชิงภูมิภาคและเชิงพื้นที่” สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชา “สหวิทยาการเพื่อการพัฒนาสังคม” สำหรับการบรรยายครั้งนี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้นำเสนอในหัวข้อย่อย “แนวคิดและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์เพื่อยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสังคม” ซึ่งนับเป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น อันจะเชื่อมโยงความรู้ด้านภูมิศาสตร์เข้ากับศาสตร์อื่น ๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลและเครื่องมือในการตัดสินใจเชิงนโยบายและการวางแผน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สาระสำคัญของการบรรยายถูกจำกัดอยู่เพียงในห้องเรียนหรือเฉพาะกลุ่มผู้เข้าร่วม ผู้เขียนเห็นสมควรที่จะถ่ายทอดรายละเอียดของบทบรรยายดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจในสาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค ได้ร่วมเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และใช้เป็นพื้นฐานในการแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการร่วมกันต่อไป โดย เนื้อหาของการบรรยายจะมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นสำคัญ… แนวคิดและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์เพื่อยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสังคม

การส่งออกสัตว์มีชีวิตในเเม่น้ำโขงเลียบเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้(North-South Economic Corridor: NSEC)

ในช่วงที่ผ่านมา ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปยังท่าเรือสบหรวย ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองยอง จังหวัดเชียงตุง รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยใช้เรือบรรทุกสินค้า (สุกร) เพื่อศึกษาการขนส่งสินค้าสัตว์มีชีวิตเส้นทางการขนส่งไปยังท่าเรือสบหรวย ท่าเรือสบหรวยตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ประมาณ 195 กิโลเมตร การเดินทางโดยเรือขนส่งสินค้าจากท่าเรือเชียงแสนไปยังท่าเรือสบหรวยใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ขณะที่การเดินทางด้วยเรือโดยสารจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญในการสำรวจเส้นทางการขนส่งสินค้าสัตว์มีชีวิต โดยเฉพาะการส่งออกสุกร ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความไวต่อการขนส่งและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดในการขนส่งผ่านเส้นทางนี้ไปยังท่าเรือสบหรวย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นท่าเรือขนส่วสินค้าที่สำคัญในเมียนมาร์ นอกจากการเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญในด้านการขนส่งสินค้าแล้ว ท่าเรือสบหรวยยังเป็นจุดเชื่อมต่อ (HUP) ที่สำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าต่อไปยังเมืองลา และยังสามารถขนส่งสินค้าผ่านไปยังประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่าเรือสบหรวยจึงมีบทบาทสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้. ท่าเรือสบหรวยถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเมียนมา เนื่องจากสินค้าหลายประเภทถูกลำเลียงไปยังเมืองลา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือที่รู้จักในชื่อ… การส่งออกสัตว์มีชีวิตในเเม่น้ำโขงเลียบเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้(North-South Economic Corridor: NSEC)

ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษกับเส้นทาง R3A สู่สิบสองปันนาและคุนหมิง

หลังจากเหตุการณ์โควิด 19 สปป.ลาว เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น ในเเง่ของพื้นที่ทางโลจิสติกส์ ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมการขนส่งสินค้าเเละบริการทั้งจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน(ต่อไปนี้จะเรียกว่า ประเทศจีน) ไป สปป.ลาว และ ประเทศไทย ซึ่งพบว่า จีน จะทำการขนส่งสินค้าประเภทอุปโภค บริโภค จากประเทศตนเอง ผ่านทางเส้นทาง R3A หรือ Road 3 Asia โดยเป็นเส้นทางผ่านทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North South Economic Corridor) ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region) เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางระหว่าง มณฑลยูนาน ประเทศจีน มายัง… ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษกับเส้นทาง R3A สู่สิบสองปันนาและคุนหมิง

น่าน….หนึ่งใน Subset ของระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน เส้นทางผ่านของ Battery Of Asia สปป. ลาว สู่ภาคเหนือตอนบนของไทย

จังหวัดน่าน ถือเป็นจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีศักยภาพสูงในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และมีเเนวโน้มการท่องเที่ยวข้ามเเดนเชื่อมโยงพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกรณีของ สปป.ลาว นอกจากนั้นยังมีศักยภาพในการส่งเสริมการค้า การลงทุนในพื้นที่ชายเเดน อันเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับ สปป.ลาว บริเวณพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสองเเคว อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอบ่อเกลือ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่เอื้อต่อการค้า การลงทุน คือบริเวณพื้นที่บ้านห้วนโก๋น ตำบลห้วยโก๋น ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และด่านศุลการทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง สินค้าที่สำคัญที่ผ่านด่านศุลกากรนี้ไปยังจังหวัดน่าน ประเทศไทย คือพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีอัตราการนำเข้ามากกว่าร้อยละ 97 โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดมาจากโรงไฟฟ้าหงสา เเขวงไชยบุรี สปป.ลาว ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวเกิดจากการร่วมทุนของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (ร้อยละ 40), บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด… น่าน….หนึ่งใน Subset ของระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบน เส้นทางผ่านของ Battery Of Asia สปป. ลาว สู่ภาคเหนือตอนบนของไทย

มหายุทธศาสตร์ ในฐานะตัวเเปรเชิงกลยุทธ์ของรัฐชาติในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

นับตั้งแต่ต้นปี คตวรรษที่ 20 โลกเราขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงรัฐชาติ(หรือสภาพของรัฐชาติ) โดยแปลงสภาพความเป็นตัวแปรตามจากมหายุทธศาสตร์ของชาติมหาอำนาจอยู่เสมอ ดังเช่นกรณีของ สหรัฐอเมริกาที่มียุทธศาสตร์หลักต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประการ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การครองความเป็นเจ้า ยุทธศาสตร์การสกัดกั้นการขยายอิทธิพล ของจีน และยุทธศาสตร์การทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว สหรัฐฯ ได้ดำเนินนโยบายเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์ โดยผ่าน 2 ช่องทาง ช่องทางแรก คือ ความสัมพันธ์ ทวิภาคี ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรทาง ทหารทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะกับพันธมิตรทั้ง 5 ซึ่งได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์… มหายุทธศาสตร์ ในฐานะตัวเเปรเชิงกลยุทธ์ของรัฐชาติในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

มหายุทธศาสตร์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง : ความหมาย ความสำคัญของมหายุทธศาสตร์

ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนเเรงระหว่างประเทศและชาติมหาอำนาจ ทั้งในส่วนของสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย ตลอดจนชาติต่างๆในตะวันออกกลาง ที่ในปัจจุบันเริ่มมีความขัดเเย้งครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลกับชาติตะวันออกกลางอื่นๆ ตลอดจนความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เริ่มมีการรุกล้ำทั้งในส่วนของการขยายอาณาเขตทางธุรกิจ สังคม เศรษฐกิจและสิ่งเเวดล้อม จนทำให้รัฐชาติในเเถบนี้เริ่มที่จะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการศึกษาถึงเเนวทางในการพัฒนาประเทศเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนความพยายามของจีนที่จะมุ่งลงใต้โดยผ่านทางประเทศไทยให้ได้ เพราะฉะนั้น การศึกษาถึงมหายุทธศาสตร์ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักยุทธศาสตร์ นักวิชาการ และนักบริหารระดับสูงของภาครัฐ โดยการมุ่งความสนใจไปที่คำถามลำดับสูงสุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ คำว่า why, how,what purposes (ทำไม อย่างไร และวัตถุประสงค์เพื่ออะไร) ต่อจากนั้น ผู้บริหารของรัฐจึงต้องใช้อำนาจของตนเอง(ชาติ)ที่มีอยู่ในการกำหนดนโยบาย ตลอดจนการอุดรูรั่วอำนาจทางการทหารที่มีอยู่ มหายุทธศาสตร์ที่ดีจะมีส่วนในการกำหนดบทบาทระหว่างประเทศของตนเองได้ ตลอดจนการชี้เเนะแนวทางและวิธีการเพื่อตอบสนองต่อนโยบายเหล่านั้นเพื่อไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหันกลับมามองมหายุทธศาสตร์ของหลายๆประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ยังไม่มีความสอดคล้องและปะติดปะต่อ และยากต่อการนำทาง อันเนื่องจากข้อเสียของการเมืองในระดับประชาธิปไตยคือการไม่ต่อเนื่องและไม่มั่นคง… มหายุทธศาสตร์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง : ความหมาย ความสำคัญของมหายุทธศาสตร์

ระเบียงเศรษฐกิจกับเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงราย

1.ที่ตั้งและศักยภาพ จังหวัดเชียงรายมีประชากรทั้งหมด 1,298,687 คน เป็นจังหวัดชายแดนทางภาคเหนือของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2(เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) เป็นจังหวัดที่มีความพิเศษมากกว่าจังหวัดอื่นในประเทศไทยตรงที่มีชายแดนติดกับ 2 ประเทศคือ เมียนมาร์ และ สปป.ลาว และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ การเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับเขตเศรษฐกิจพิเศษต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพียงน้ำโขงกั้น ขณะเดียวกันยังสามารถเดินทางโดยรถยนต์ ทางเรือ และทางอากาศไปยังประเทศจีนได้ภายในวันเดียว โดยจังหวัดเชียงรายนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมดมีเนื้อที่ประมาณ 11,678.369 ตร.ก.ม. หรือประมาณ 7,298,981 ไร่  อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 785 กิโลเมตร จังหวัดเชียงรายอยู่บนแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic… ระเบียงเศรษฐกิจกับเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงราย

บทบาทระเบียงเศรษฐกิจต่อภาพรวมเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย

ปรากฏการณ์ไหลบ่าเข้ามาอย่างผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาติ  ที่อยู่บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ไทย-เมียนมาร์  ไทย-กัมพูชา ไทย-มาเลเซีย ส่งผลให้เกิดการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายและกลายเป็นความกังวลต่อปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2565 เป็นต้นมา มีผู้หลบหนีเข้าเมืองแล้วกว่า 14,000 คน[1] แต่ขณะเดียวกันการหลบหนีเข้าเมืองนับเป็นเรื่องปกติของการมีแนวตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกันมาตั้งแต่อดีต การห้ามหลบหนีเข้าเมืองจึงเป็นมาตรการ ที่กระทำกัน โดยส่วนใหญ่ประเทศไทยมักประสบเจอกับปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองมากกว่า สปป.ลาว เมียนมาร์ และ กัมพูชา ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จากปัญหาดังกล่าวสิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลไทยวิเคราะห์ได้คือ การหลบหนีเข้าเมืองมาเพื่อหางานทำในปะเทศไทยซึ่งมีโอกาสในทางเศรษฐกิจมากกว่า 3 ประเทศข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยเป็นประเทศปลายทางที่มีอุตสาหกรรมการผลิตที่ความต้องการแรงงานราคาถูกสูงและเป็นแรงงานที่ไม่ปฏิเสธกิจกรรมแรงงานบางประเภทที่มีความเสี่ยงและสกปรกตลอดจนตำแหน่งงานระดับล่างที่คนไทยไม่นิยมทำกันเช่น อาชีพกรรมกร ตลอดจนแนวคิดในการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประชาชน จึงทำให้รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะย้ายฐานการผลิตไปอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งสามารถรองรับสภาพปัญหาของการหลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนการขนย้ายวัตถุดิบการผลิตและการส่งออก-นำเข้าสินค้าต่างๆได้ดีกว่าการผลิตจากส่วนกลางของประเทศ ซึ่งไม่เอื้อต่อการผลิต การขนย้าย การทำงานแบบไปกลับของแรงงานต่างด้าวตลอดจนการยกเว้นภาษีนำเข้าของสินค้าต่างๆตลอดรวมทั้งวัตถุดิบในการผลิต จากประเด็นดังกล่าว รัฐบาล สมัยจอมพลถนอม… บทบาทระเบียงเศรษฐกิจต่อภาพรวมเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย

ภาพรวมเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย

ปรากฏการณ์ไหลบ่าเข้ามาอย่างผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาติที่อยู่บริเวณตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ไทย-เมียนมาร์  ไทย-กัมพูชา ไทย-มาเลเซีย ส่งผลให้เกิดการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายและกลายเป็นความกังวลต่อปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2565 เป็นต้นมามีผู้หลบหนีเข้าเมืองแล้วกว่า 14,000 คน[1] แต่ขณะเดียวกันการหลบหนีเข้าเมืองนับเป็นเรื่องปกติของการมีแนวตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกันมาตั้งแต่อดีต การห้ามหลบหนีเข้าเมืองจึงเป็นมาตรการที่กระทำกัน โดยส่วนใหญ่ประเทศไทยมักประสบเจอกับปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองมากกว่า สปป.ลาว เมียนมาร์ และ กัมพูชา จากปัญหาดังกล่าวสิ่งที่สำคัญที่รัฐบาลไทยวิเคราะห์ได้คือ การหลบหนีเข้าเมืองมาเพื่อหางานทำในประเทศไทย เกิดจากโอกาสในทางเศรษฐกิจมากกว่า 3 ประเทศข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไทยเป็นประเทศปลายทางที่มีอุตสาหกรรมการผลิตที่ความต้องการแรงงานราคาถูกสูงและเป็นแรงงานที่ไม่ปฏิเสธกิจกรรมแรงงานบางประเภทที่มีความเสี่ยงและสกปรก ตลอดจนตำแหน่งงานระดับล่างที่คนไทยไม่นิยมทำกันเช่น อาชีพกรรมกร           ตลอดจนถึงแนวคิดในการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ของประชาชนทำให้รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะย้ายฐานการผลิตไปอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งสามารถรองรับสภาพปัญหาของการหลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนการขนย้ายวัตถุดิบการผลิตและการส่งออก-นำเข้าสินค้าต่างๆได้ดีกว่าการผลิตจากส่วนกลางของประเทศซึ่งไม่เอื้อต่อการผลิต การขนย้าย การทำงานแบบไปกลับของแรงงานต่างด้าวตลอดจนการยกเว้นภาษีนำเข้าของสินค้าต่างๆตลอดรวมทั้งวัตถุดิบในการผลิต จากประเด็นดังกล่าว รัฐบาลสมัยจอมพลถนอม… ภาพรวมเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย