หลังจากเหตุการณ์โควิด 19 สปป.ลาว เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น ในเเง่ของพื้นที่ทางโลจิสติกส์ ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมการขนส่งสินค้าเเละบริการทั้งจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน(ต่อไปนี้จะเรียกว่า ประเทศจีน) ไป สปป.ลาว และ ประเทศไทย ซึ่งพบว่า จีน จะทำการขนส่งสินค้าประเภทอุปโภค บริโภค จากประเทศตนเอง ผ่านทางเส้นทาง R3A หรือ Road 3 Asia โดยเป็นเส้นทางผ่านทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North South Economic Corridor) ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region) เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางระหว่าง มณฑลยูนาน ประเทศจีน มายัง สปป.ลาว ซึ่งในการเชื่อมโยงโดยการเดินทางเส้นทางนี้ ถือเป็นเส้นทางที่ประเทศจีน มีความต้องการส่งสินค้าต่างๆ ผ่านทางบก ซึ่งเป็นการเพิ่มเส้นทางการขนส่งจากในอดีต คือเส้นทางน้ำโขง โดยลงสินค้าและบริการตั้งเเต่ท่าเรือจิ่นหง(ขนส่งคน) และ สินค้าคือท่าเรือกวนเหล่ย(สินค้าอุปโภค บริโภค) แต่ในปัจจุบันภายหลังเหตุการณ์โควิด 19 ท่าเรือจิ่นหงได้ปิดตัวลงและยังคงเหลือท่าเรือกวนเหล่ยซึ่งในอนาคตอาจจะมีการรับคนขึ้นมายังฝั่งนี้ โดยในปัจจุบันปี 2568 ยังอยู่ในช่วงปรับปรุงสถานที่ให้กลายเป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีประสิทธิภาพ(จากเเนวโน้มว่าจะเปิดด่าน ตม.ในช่วงปลายปี 2567 ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดทำการทั้งๆที่มีความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานและระบบต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)
เส้นทาง R3A จึงยังคงเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าและบริการ(คนและของ) ของจีนและไทย โดยในปัจจุบันเมื่อพิจารณาถึงวิธีการเดินทางเเล้ว ในส่วนของ ไทย พบว่า อำเภอเชียงของ นอกจากจะเป็นจุดนำเข้าและส่งออกสินค้าเเละบริการแล้ว ยังเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอีกพื้นที่นึงจากทั้ง 3 อำเภอคือ เชียงเเสน และเเม่สาย นอกจากนั้น ระบบศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนระบบขนส่งทางน้ำ ยังมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการขนส่งและรับสินค้าไปยังจีนได้ยังดีเยี่ยม โดยในปัจจุบันนั้นจังหวัเชียงรายมีเส้นทางขนส่งสินค้าและบริการหลากหลายเส้นทาง ตั้งเเต่เส้น 1.เชียงราย เทิง เชียงของ 2.เชียงราย พญาเม็งราย เชียงของ 3.เชียงราย เชียงแสน เชียงของ 4.เชียงราย เเม่จัน เชียงเเสน เชียงของ 5.เชียงราย เเม่จัน เเม่สาย เชียงแสน เชียงของ และยังมีโครงการก่อสร้างที่ยังไม่เเล้วเสร็จ ตลอดจนทางรถไฟรางคู่ซึ่งจะเเล้วเสร็จในปี 2572 เมื่อพิจารณาเเล้วจึงทำให้พบว่า เชียงราย มีศักยภาพมากในการขนส่งสินค้าและบริการไป สปป.ลาว และประเทศจีน และเช่นเดียวกัน การขนส่งสินค้าและบริการจากประเทศจีน สปป.ลาว สามารถขนส่งไปยังกลุ่มจังหวัดในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษได้โดยสะดวกทั้งในส่วนของ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เช่นเดียวกัน
กลับมาพิจารณาถึงการขนส่งและบริการไป สปป.ลาว และประเทศจีน ในปัจจุบัน จะพบว่า เป็นการเดินทาง 3 STEP ด้วยกันคือ การเข้าสู่ระบบศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง ณ ด่านตรวคนเข้าเมืองเชียงของ ซึ่งมีโครงสรา้งพื้นฐานรองรับเกือบครบทุกระบบ ตั้งเเต่ระบบศุลกากรและระบบตรวจคนเข้าเมือง ขาดเพียงเเต่ระบบของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า อันเนื่องจากไม่มีนักลงทุนในปัจจุบัน(ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ และรับผิดชอบในส่วนของการตำเนินงานและบำรุงรักษา โครงการ (Operation and Maintenance: O&M) รวมทั้งเป็นผู้รับความสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 15 ปี นับจากปีที่เอกชนเข้าให้บริการ) ทั้งนี้ โครงการถูกออกแบบให้มีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมรวบรวมและกระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกแบบไม่เต็มคันและรถเที่ยวเปล่า เป็นที่ทำการของหน่วยงานตรวจปล่อยสินค้า (CIQ) สามารถให้บริการตรวจปล่อยสินค้าแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และยังสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (Common Control Are : CCA) ในอนาคต รองรับการเปลี่ยมหัวลาก-หางพ่วงระหว่างรถบรรทุกไทยกับรถบรรทุกต่างประเทศ และยังรองรับการเปลี่ยนถ่ายรูปแบการขนส่งสินค้าจากทางถนนสู่ทางราง (Modal Shift) ผ่านแนวรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ และในภาพรวมด้านเศรษฐกิจของประเทศ(https://thecitizen.plus/node/71797)
การปราศจากนักลงทุน เป็นผลมาจากการที่ สปป.ลาว มีมาตรการบังคับให้ รถบรรทุกหัวลากและคนขับต้องเป็นคนลาว(และจีน)เท่านั้น เมื่อรถบรรทุกขับเข้ามายังด่านศุลกากร สปป.ลาว ก็สามารถส่งต่อตู้คอนเทนเนอร์ให้กับหัวลากไทยได้เลย แต่ข้อเสียคือ คนไทยและหัวลากรถไทย ไม่สามารถลากสินค้าข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว และต่อไปยัง ประเทศ จีนได้ ซึ่งหมายถึง รถไทยไปได้เเค่ ด่านศุลกากรลาวตรงด่านห้วยทราย ถัดจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนขับลาว(และจีน) ตรงจุดนี้ ทำให้ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนไม่มีมั่นใจในการลงทุนในศูนย์เปลี่ยนถ่ายของศุลกากรไทยนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้พบว่า การเปลี่ยนหัวลากในฝั่งห้วยทรายจะส่งผลให้มีกิจกรรมการเปลี่ยนถ่ายสินค้าเกิดขึ้นและมีการโยกย้าย Shipping ไปยังฝั่งห้วยทรายเพิ่มมากขึ้น สินค้าไม่ได้มีการกระจายในฝั่งไทย ส่งผลต่อโอกาสที่น้อยลงของการยกระดับราคาสินค้าในอนาคต
เมื่อผ่านพิธีการศูลกากรและตรวจคนเข้าเมืองในไทยเเล้ว ถัดจากนั้น ในส่วนของการบริหารขนคนข้ามเเดนจะมีรถบัสให้บริการข้ามฝั่งไปยัง ห้วยทราย และในส่วนของสินค้าอุปโภคและบริโภค จะมีเส้นทางด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองอยู่ทางฝั่งทิศเหนือของด่าน เพื่อบริการให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุนและ Shipping ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการขับรถตนเองข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว และ จีน ..เมื่อมาถึงตรงนี้ หากผู้อ่าน สนใจจะนำรถของตนเองไป จะต้องมี passport รถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ หากเป็นรถที่กำลังผ่อนอยู่ก็สามารถดำเนินการได้เเต่ต้องปรึกษาบริษัท ไฟแนนซ์ ถัดจากนั้นจึงเข้าสู่ด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองห้วยทราย ดำเนินการตามพิธีการเดียวกับและตามระเบียบพิธีของ สปป.ลาว ถัดจากนั้นในส่วนของรถหัวลาก ต้องเปลี่ยนหัวและคนขับตามที่ได้อธิบายตั้งเเต่ครั้งเเรก ในการนี้ เคยมีบางบริษัททำผิดกหมาย โดยการให้คนขับรถคนไทยขับเข้าไป ตรงเป็นนี้กลายเป็นช่องทางในการเรียกรับส่วยจากฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งผู้เขียนไม่ขอเอ่ยถึง
เมื่อเข้ามายังฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางจำนวน 4 ชั่วโมง โดยสิ่งที่พบเห็นคือ ถนน R3A ที่มีสภาพขรุขระ ตั้งเเต่หน้าด่านห้วยทราย ไปจนถึง ด่านบ่อเต็น โดยในอดีตนั้น รัฐบาล สปป.ลาว ได้รับการสนับสนุน การก่อสร้างจากโครงการความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-region) โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล ญี่ปุ่น และประเทศพันธมิตรอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือ ผ่านการก่อสรา้งจากบริษัทเอกชนในไทยและประเทศจีน โดยบริษัทไทยนั้นจะรับผิดชอบการก่อสรา้งจากด่านห้วยทรายไปจนถึงเมืองเวียงพูคา จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของบริษัทเอกชนจีน ก่อสรา้งตั้งเเต่เมืองเวียงพูคาไปจนถึงบ่อเต็นหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น สปป.ลาว

ภาพที่ 1 สภาพถนน R3A ใน สปป.ลาว
จากภาพที่ 1 จะเห็นว่า สภาพถนนเริ่มมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของ ปัญหาที่เกิดจากการขนส่งจากรถบรรทุก ซึ่งเเน่นอนว่า เเต่ละคัน บรรทุกน้ำหนักเกินที่กำหนด นอกจากนั้น ยังเกิดจากปัญหาภัยพิบัติและน้ำท่วมทุกปี ทางขาด และเดินทางลำบาก
นอกจากนั้นเมื่อ เดินทางมาถึง ด่านตรวจคนเข้าเมือง บ่อเต็น จะมีพื้นที่สำหรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและบริการอยู่บริเวณรอบๆด่าน ทำให้ เกือบทุกพื้นที่มีรถบรรทุกหัวลากจำนวนมากจอดอยู่เรียงรายด่านบ่อเต็น โดยในอนาคตนั้น คาดการณ์ว่าจะมีการย้ายศูนย์เปลี่ยนถ่ายและโครงสรา้งพื้นฐานอื่นๆไปยังเมืองนาเตย เพื่อให้สะดวกต่อการขนถ่ายสินค้าร่วมกับเส้นทางใหม่มอเตอร์เวย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพที่ 2 พื้นที่รถบรรทุกหัวลากจำนวนมากจอดอยู่เรียงรายด่านบ่อเต็น
เมื่อดำเนินการผ่านพิธีศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองในด่านบ่อเต็นของ สปป.ลาวเเล้ว เริ่มที่จะมีรถบรรทุกหัวลากของจีน รับสินค้าต่อไปยังเมือง ม่อหาน ผ่านทางด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองม่อหาน และเข้าสู่กระบวนการพิธีการศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองของม่อหาน ในด่านนี้ จะเป็นหน้าที่ของทางการประเทศจีน ซึ่งในปัจจุบันจะอนุญาตให้คนไทยเข้าได้โดยไม่มีวีซ่า ต่างจากเมื่อต้นปี 2567 โดยในช่วงนั้น มีการเข้มงวดต่อการเดือนทางเข้าจีน อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ยังไม่คลี่คลาย และ ประเทศจีนมองว่าตนเองต้องรับผิดชอบ การพิจารณาเพื่อตรวจคนเข้าเมืองและอนูยาตให้คนจีนออกไปจึงเข้มงวดพอสมควร ภายหลังจากปลายปี 2567 จึงมีการยกเลิกวีซ่า ทำให้การเดินทางเข้าออกของคนไทยเป็นปกติและสะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น
เมื่อกล่าวถึงเมืองม่อหาน ในอดีตเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองชาติไท สิบสองปันนา มฑทลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งติดอยู่กับชายเเดน เเขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว จะมีความสำคัญเป็นเมืองหน้าด่านการคมนาคมทางบกของประเทศจีนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนสู่เอเชียอาคเนย์ภาคพื้นทวีป กล่าวง่ายคือ ลงไปสู่ สปป.ลาว เวียดนาม ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ โดยบางส่วนอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษม่อหาน-บ่อเต็น ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศจีน 12 แห่ง และในเขตนี้ยังเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเกลือสินเธาว์ อีกด้วย
สำหรับในปัจจุบันนั้น เมืองม่อหาน ได้ถูกปรับรูปแบบการปกครองโดยการโยกให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองคุนหมิง โดยการโยกย้ายข้าราชการปกครองและส่วนอื่นๆมาบริหารที่เมืองนี้ ส่งผลให้มีการเรียกชื่อเปลี่ยนเป็น เมืองม่อหาน คุนหมิง ในที่สุด ซึ่งในอนาคต เมืองม่อหานจะกลายเป็นเมือง เสินเจิ้นที่ 2 ของจีนในอนาคต
ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์
ข้อเสนอเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ควรจะเป็น ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการค้าข้ามเเดนโดยอาศัยรูปแบบการค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้ายอดนิยม นอกจากนั้นควรมีการส่งเสริมให้จังหวัดเชียงราย เป็นต้นทางของการผลิตสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยม อาทิเช่น ผักและผลไม้บางชนิด อุตสาหกรรมเบาที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าทางวัฒนธรรม เป็นต้น ตลอดจนถึงการเชื่อมโยงสินค้าและบริการจากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษจากทั้ง 3 จังหวัดที่เหลือคือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
เนี้อหาบทความเข้าใจได้ง่ายมองเห็นระบบเศรษฐกิจการค้าในเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจได้อย่างดี
Comments are closed.